วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

เรื่องราวในการเรียนวันที่22 มกราคม 2554

เริ่มต้นชั่วโมงวันนี้
                   อาจารย์ได้ให้นิสิตในห้องได้บอกถึงความแตกต่างของโฆษณาในนิตยสารระหว่าง
Normal adกับAdvertorial ส่วนตัวแล้วนิตยสารที่ดิฉันได้ทำเป็นนิตยสารเกี่ยวกับอาหาร โฆษณาที่นำมาลงในนิตยสารเล่มนี้จะเป็นโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เครื่องดื่ม อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน ขนมขบเคี้ยวเป็นต้น ดิฉันมีความเข้าใจว่าระหว่าง Normal ad กับ Advertorial มีความแตกต่างกันตรงที่Normal adจะเน้นขายสินค้าโดยตรง ภายในนั้นจะมีตัวผลิตภัณฑ์ให้เห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ค่อยมีข้อความหรือรายละเอียดเนื้อหาในงาน จะเน้นข้อความที่เป็นหัวข้อใหญ่และจะเห็นโทนสีของผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจน ซึ่งการสื่อสารของ Normal adจะเน้นทางตรงมากกว่า
   ส่วนของ Advertorialจะเน้นในเรื่องของความเนียน การโฆษณาทางอ้อม ในที่นี่คือการที่ทำให้โฆษณาหรือผลิตภัณฑ์ดูกลมกลืนไปกับคอลัมน์ในนิตยสารนั้น ยกตัวอย่างเช่น ในนิตยสารอาหารที่ดิฉันทำ Advertorial จะเป็นสูตรและวิธีการทำอาหาร เป็นการโฆษณาโดยสื่อให้เห็นประโยชน์ของตัวผลิตภัณฑ์ว่าผลิตภัณฑ์สามารถที่จะนำมาทำเป็นอาหารแบบใดได้บ้าง ซึ่งเป็นการทำให้ผู้อ่านได้มีส่วนร่วมไปกับนิตยสารและมีการแฝงด้วยโฆษณาของผลิตภัณฑ์นนั้นๆไปด้วยโดยที่ผู้อ่านอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ภายในAdvertorialจะมีรายละเอียดเนื้อหาในโฆษณาเยอะ เพื่อที่จะทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงตัวผลิตภัณฑ์ที่นำมาขายได้อย่างชัดเจน
   ในส่วนท้ายชั่วโมงอาจารย์ได้ให้นิสิตทำงานLayoutจากภาพที่นิสิตได้เตรียมมาเป็นภาพในนิตยสารที่ให้นิสิตเลือกทำ อาจารย์ให้นิสิตดูวิธีการแบ่งสัดส่วนในงานโฆษณา การจัดวางงานโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เนื้อหาต่างๆ ว่าในหน้านิตยสารที่นำมามีวิธีการจัดวางอย่างไรบ้าง และอาจารย์ยังได้อธิบายถึงความแตกต่างระหว่าง Advertising Advertorial และEditorial ว่าทั้งสาามอย่างนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร อาจารย์ได้นำหน้านิตยสารมาให้ดูเป็นตัวอย่างเพื่อที่จะอธิบายให้นิสิตได้เข้าใจง่ายขึ้นและท้ายที่สุดอาจารย์ได้คอมเม้นท์งานโปสเตอร์วันเด็กของนิสิตแต่ละคนว่ามีจุดบกพร่องหรือข้อแก้ไขตรงส่วนใดบ้างเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขงานต่อไป

วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ความรู้ที่ได้จากMotor Expo 2010

     เริ่มต้นชั่วโมงเรียนวันที่ 11 ธันวาคม อาจารย์ได้นำภาพบรรยากาศงานมอเตอร์เอ็กโป มาให้นิสิตได้ดูจากการที่ได้ดูภาพงานนี้อาจารย์ก็ได้บอกถึงการดูพริตตี้ของแต่ละbrandว่า พริตตี้ นั้นเป็นสิ่งที่สามารถนำเสนอตัวproduct ได้ โดยอาจารย์ให้นิสิตได้สังเกตและบอกมาว่าอะไรที่เป็นสิ่งที่บ่งบอกลัักษณะบุคลิกภาพของproductได้ดีที่สุด นั่นก็คือ การแต่งการของพริตตี้นั่นเอง การแต่งการสามารถบอกรสนิยมสไตล์ของตัวproductได้เป็นอย่างดี ซึ่งโดยส่วนมากแล้วผู้ที่มาชมงานมอเตอร์เอ็กโปนั้นมักจะมาดูมาชมพริตตี้กัน ซึ่งนี่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้ผลิตจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของเค้าได้โดยนำเสนอสินค้าผ่านทางพริตตี้ พริตตี้สามารถบอกภาพลักษณ์ของสินค้าและบริษัทผู้ผลิตได้อย่างดีและดูกลมกลืนไปกับงาน การใช้พริตตี้สามารถดึงดูดให้ผู้ที่มาชมงานสนใจและเข้ามาชมสินค้าของเราได้
  ต่อมาท้ายชั่วโมงอาจารย์ได้สอนเกี่ยวกับBrand Communication ว่าจะต้องประกอบไปด้วยProduct/Service ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการนั้นจะจำเป็นที่จะต้องมี Tangible Attributes/Intangible Attributes เป็นส่วนประกอบหลักที่สำคัญในการสื่อสารของแบรนด์นั้นๆ เพื่อที่การสื่อสารนั้นจะมีประสิทธิภาพสูงสุดและตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วิเคราะห์Print Ad รณรงค์เมาไม่ขับ

1.จากงานปริ้นแอดนี้จะสื่อถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยทำงานชอบสังสรรค์โดยมีข้อความด้านล่างที่หมายความว่าเมื่อคุณดื่มปฏิกิริยาการตอบสนองของคุณจะช้าลง ซึ่งในภาพก็จะเป็นคำว่าstopที่อยู่กลางถนน เวลาเมาการคำนวนระยะการเบรกจะไม่แม่นยำจึงทำให้เบรกเกินเส้นที่กำหนดและเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งปริ้นแอดนี้เป็นของไฮเนเก้น ซึ่งก็สื่อถึงลูกค้าไฮเนเก้นและคนทั่วไปที่เมาแล้วขับ เป็นการเตือนให้เห็นว่าถ้าเมาแล้วเราจะไม่มีสติที่จะสามารถควบคุมอะไรได้
2.จากภาพจะเป็นเลื่อนของซานตาครอสที่คว่ำสื่อถึงในช่วงเทศกาลคริสมาสต์จะมีการฉลองและดื่มกันภายในภาพได้บอกกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นที่ชอบดื่มฉลองกันว่าเมาไม่ขับเพราะจะเป็นแบบซานตาครอสที่เมาแล้วขับจนเลื่อนคว่ำ ซึ่งเจ้าของปริ้นแอดคือเบียร์ไฮเนเก้นที่มักจะได้รับความนิยมเวลามีการฉลอง
3.จากภาพจะมีข้อความที่มีความหมายว่า อะไหล่ในร่างกายของมนุษย์นั้นไม่ได้เป็นอะไหล่ให้กับรถยนต์ ซึ่งก็สื่้อถึงกลุ่มเป้าหมายที่วัยทำงานที่เป็นลูกค้าหรือคนที่ชอบในBMWว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วเขาจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้างจากภาพจะใช้เป็นขาของคนที่ทั้งสองข้างนั้นไม่เหมือนกันข้างซ้ายเป็นขาเทียมและข้างขวาเป็นขาปกติ ซึ่งขาเทียมนั้นราคาแพงก็จะบอกถึงกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างมีเงิน มีฐานะ
4.จากภาพโฆษณานี้มีข้อความที่บอกว่า ดังนั้นเรคาจึงมีชีวิตอยู่ โดยสื่อถึงกลุ่มคนทำงานที่ชอบสังสรรค์กับเพื่อน ข้อความบอกถึงถ้าเราเมาแล้วไม่ขับเราก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแต่ถ้าเมาแล้วขับก็จะเป็นดังภาพที่รถประสบอุบัติเหตุ การใช้ภาพนี้จะเป็นการตอกย้ำว่าการเมาแล้วขับนั้นส่งผลเสียต่อตัวเราและคนรอบข้างโดยตรง
5.ภาพโฆษณานี้เป็นภาพห้ามโดยใช้สัญลักษณ์ของป้ายห้ามมาทำเป็นปริ้นแอดเมาไม่ขับสื่อถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นพวกชอบดื่มว่าห้ามขับเวลาเมา โดยภาพใช้สีแดง ขาว ดำ ซึ่งก็เป็นสีของป้ายห้ามที่เราเคยเห็นกันบ่อย ซึ่งการนำภาพที่คนเห็นบ่อยๆแล้วทำตามมาทำเป็นปริ้นแอดก็จะทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นเหมือนกับเป็นการบังคับให้เราทำตามกฏระเบียบ
6.จากภาพปริ้นแอดของวิทยุPSAs1จะสื่อถึงกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นที่ฟังวิทยุชอบการสังสรรค์กับเพื่อนโดยภายในภาพจะเป็นข้อความที่ว่า เพื่อนจะไม่ให้เพื่อนที่เมาขับ ก็จะเป็นคล้ายๆกับการที่เพื่อนจะเตือนเพื่อน ภายในก็จะเป็นภาพกุญแจรถและมีข้อความประกอบเป็นสไตล์ของรายการวิทยุ

7.ภาพปริ้นแอดนี้เป็นของไฮเนเก้นที่สื่อถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าของไฮเนเก้นและคนทั่วไปว่า การเมาแล้วขับจะทำให้เกิดอุบัติเหตุโดยใช้เป็นกระป๋องไฮเนเก้นที่บุบเหมือนถูกชนมาใช้เป็นภาพปริ้นแอดเตือนให้คนเมาห้ามขับ มีการใช้ภาพที่สื่อได้เห็นชัดเจนทำให้สะดุดตาคนและสามารถทำให้คนเข้าใจได้ง่าย